ประวัติพระฤาษีโคบุตร
พระฤาษีโคบุตร ผู้นี้เป็นบุตรของ พระฤาษีโคตะมะ ซึ่งอยู่ในตระกูลของพระฤาษีมาโดยตลอด พระฤาษีโคบุตรก็ได้รำเรียนวิชามาจากพระฤาษีโคตะมะผู้ทีเป็นบิดามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่่ว่าในที่นี้ก็มิได้ระบุนามของผู้ที่เป็นมารดาแต่ประการใด ได้ศึกษาเล่าเรียนในหลักวิชาการตลอดจนกระทั่งเวทมนต์คาถา ท่องจำจนขึ้นใจได้ในทุกๆ วิธีการ จึงได้กลายมาเป็นมนต์ขลัง ทั้งเมตตามหานิยมและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ถึงกับเหาะเหินเดินอากาศได้ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระฤาษี ไม่ว่าท่านเที่ยวไปในสถานที่ใดก็ตาม เมื่อไปพบกับเพศตรงข้ามเข้าให้แล้ว ก็มักจะพากันหลงใหลใฝ่ฝันด้วยแรงเสน่หาในตัวท่าน ไม่ว่าจะเป็นสาวแก่แม่หม้ายลูกเขาเมียใครก็ต้องมีอาการเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมด ขอให้เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน เมื่อพบหน้าปุ๊บก็จะต้องรักปั๊บเลยทีเดียว พระฤาษีโคบุตรผู้นี้จึงได้นามว่าไปถึงไหนก็จะต้องได้เมียที่นั่นเสมอไป จนกระทั่งมากมายถึงขนาดจำหรือลำดับไม่ถูกเชียวแหละ ทั้งๆที่รู้ก็รู้ว่ามีเมียแล้ว แต่ว่าเขาก็จะรักและจะต้องการ แล้วใครจะทำไม จึงเกิดการชุลมุนวุ่นวายในระหว่างเมียน้อยเมียหลวง มักจะทะเลาะวิวาทตบตีกันเป็นประจำด้วยความหึงหวงกันเป็นส่วนใหญ่ และในจำนวนผู้หญิงทุกระดับชั้น มีตั้งแต่เทพธิดา นางฟ้า นางอัปสร มนุษย์รากษี กินนร กินรี นาคีและนางไม้ จึงสร้างความรำคาญให้แก่พระฤาษีโคบุตร มีความเห็นว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปก็คงจะต้องอายเขาแน่ๆ จึงได้ตัดสินใจหลบหนีบรรดาเมียๆ ทั้งหลายเหล่านั้นไปเสียให้พ้นๆ เพื่อจะได้ตัดความยุ่งยากมิให้เกิดมีขึ้นมาอีก
ที่นี้ก็มาอยู่ภายในป่าลึก แต่แล้วอีกไม่นานเท่าใดนัก พวกชายาของพระในป่านั้นได้พากันเข้ามาหาเก็บผลไม้ ก็มาพบพระฤาษีโคบุตรเข้าอีกจนได้ แล้วก็เกิดการหลงใหลใฝ่ฝันในเสน่ห์ของพระฤาษีโคบุตร จนกระทั่งนานวันเข้าก็ยิ่งมากนางเข้าไปทุกขณะ แล้วในที่สุดก็ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาอีก ด้วยความหึงหวงกันขึ้นมาอีกจนได้ เรียกว่าหนีไม่พ้น
จะกล่าวถึงนางเทพธิดาร้อยแปดนาง ซึ่งเป็นข้าบาทบริจาริกาขององค์พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ทุกๆ วันนางเทพธิดาพวกนั้นจะต้องพากันลงมายังป่าใหญ่ เพื่อนที่จะเก็บดอกไม้ที่มีความสวยงามนำขึ้นไปถวายพระอิศวรและพระศรีมหาอุมาเทวี เป็นกิจวัตรประจำวันและจะต้องทำเช่นนี้ทุกๆ วันอีกด้วย เมื่อถึงวันที่บัญเอิญต้องให้มีเหตุ บรรดานางฟ้าและเทพธิดาในกลุ่มนั้นก้ได้เที่ยวเดินทางหาดอกไม้กันมาในราวป่าตั้งแต่เชิงเขาไกรลาศลงมาเก็บกันทุกวัน ๆ จึงทำให้ดอกไม้นั้นหายาก จึงต้องเดินหากันไกลออกมาในทุกขณะ จนกระทั่งมาถึงอาศรมของพระฤาษีโคบุตร ซึ่งได้ปลูกต้นไม้ดอกไเอาไว้มากมายในบริเวณที่หน้าอาศรมแห่งนั้น
ในระหว่างที่นางเทพธิดาและนางฟ้าจำนวนนั้นยังมีความลังเลกันอยู่ ก็พอดีกับท่านพระฤาษีโคบุตรออกจากฌานสมาบัติพอดี ในเมื่อเดินออกมาจากอาศรมนั้นก็พบเข้ากับพวกนางเทพธิดาและนางฟ้าจำนวนนั้น จึงได้สอบถามหาสาเหตุก็ทราบว่านางทั้งหมดนั้นมีความต้องการที่จะได้รับดอกไม้เพื่อที่จะนำเอาขึ้นไป ถวายต่อองค์พระศิวะและพระอุมาผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ พระฤาษีโคบุตรก็มีความยินดีจึงรีบเข้าไปเก็บดอกไม้ของท่านเลือกสรรเอาแต่เฉพาะดอกที่ดีๆ ที่มีความสวยงามนำมามอบให้กับนางเทพธิดาและนางฟ้าในกลุ่มนั้น เพื่อฝากให้นำไปถวายองค์พระอิศวรและพระอุมาเทวีผู้เป็นเจ้า ตามความมุ่งหมายของพวกนางทั้งหลายเหล่านั้นครั้นแล้วพวกนางเทพธิดาทั้งร้อยแปดก็รู้สึกว่ามีจิตใจผูกพัน เรียกว่าหนีเท่าไหร่ก็ไม่พ้น
- ปลุกเสก 1 ไตรมาส 3 เดือน เฉพาะเนื้อเงินอุดด้วยผงอิทะเจล้วนๆ ขั้นตอนการทำผงอิทะเจมหาเสน่ห์นั้นสุดพิสดารไม่เหมือนใคร โดยใช้ผงดินสอพองผสมน้ำว่านเสน่ห์ดอกทอง ปั้นเป็นแท่งขณะปั้นยังต้องท่องมนต์ปถมังโลกีย์ตามสูตรการปั้นแท่งดินสอพอง หลังจากแห้งแล้วต้องรอฤกษ์ยามมหาเสน่ห์ แล้วจึงนำกระดานฝาโลงตะเคียนสาวตายทั้งกลมมาวางบนตัวผู้หญิงแล้วจึงลงยันต์อิทะเจบนฝาโลง ลงแล้วลบเก็บไว้ จากนั้นนำมาเสกอีกด้วยมนต์อิทะเจตัวเต็มจึงครบสูตรผงอิทะเจสายเขมรที่ไปเรียนมาจากชายแดนเขมรต่ำ บรรจุด้วยตะกรุดทองคำจารนะดอกทอง อาจารย์บอกใช้แล้วต้องดอกทองนะ (หมายถึงเจ้าชู้)
-ปลุกเสกเพิ่มเติมด้วยมนต์เสน่ห์ลำอ๊ออฟ มหาวนเวียน มหาละลวย มหาเสน่ห์ มหารัญจวน มหาลาภ เรียกคน เรียกจิต และอีกมายมายนับร้อยมนต์ แค่มวลสารที่ใส่ลงไปก็เสกมานานจนเป็นสุดยอดผงเสน่ห์ แต่นี่เอามาเสกรวมพลังเป็นหนึ่งให้แรงฤทธิืด้วยมนต์เสน่ห์ มหาลาภ มหาละลวย
- พกพาไว้เสริมเสน่ห์ นะจังงัง เสริมสง่าราศรี จากที่หมอง หน้าไม่หล่อ ไม่สวยก็จะดูดี ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระฤาษีโคบุตร และมวลสารวิเศษที่ใส่ลงไป ไปที่ใดไร้คนรังเกียจ มีแต่ชอบ อยากช่วยเหลืออยากคบหาพูดจาด้วย เป็นที่ตรึงตรา ตรึงใจ สรรพคุณตามตำราวิชากล่าวไว้
*** อาจารย์ทิ้งท้ายไว้ว่า แม้นแต่เทวดา นางฟ้าเทพธิดาก็ไม่อาจทานพลังเสน่ห์ของพระฤาษ๊โคบุตร นับประสาอะไรกับมนุษย์เดินดินธรรมดา ***
*** ไสยศาสตร์เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจรณญาณในการเช่าบูชา และเป็นเพียงตัวเสริมเท่านั้น ถ้าผู้บูชาไม่กระทำอะไรเลยก็เหมมือนก้อนหิน เศษเหล็กทั่วไป ไม่มีคุณวิเศษอะไรเลย ***